ปรับสมดุลท้องไส้ ด้วยเครื่องเทศและโปรไบโอติกส์
เครื่องเทศ เสริมรสชาติ เติมธาตุไฟ
เครื่องเทศส่วนใหญ่เป็นพืชสมุนไพรที่มีคุณสมบัติเด่น คือ มีรสเผ็ดร้อน กลิ่นหอมฉุน ใช้แต่งกลิ่นในอาหาร คุณค่าของเครื่องเทศดูเหมือนจะเป็นการปรุงแต่งรสอาหารมากกว่าประโยชน์ทางโภชนาการ แต่ความจริงแล้วเครื่องเทศมีความสาคัญมาตั้งแต่ในอดีต หลังจากเครื่องเทศถูกนาจากเอเชียเข้าไปในยุโรปเป็นครั้งแรกก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมอาหารการกินของชาวตะวันตกและใช้เป็นยารักษาโรค เป็นสินค้าหายากมีราคาแพงมากจนถึงขนาดว่าพริกไทยยังนาไปใช้หนี้แทนเงินตราได้ ว่ากันว่าลัทธิล่าอาณานิคมมีจุดกาเนิดจากการเสาะแสวงหาเครื่องเทศนี้เอง
ในดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กลายมาเป็นกลุ่มประเทศอาเซียนในปัจจุบัน หลายประเทศเป็นแหล่งเครื่องเทศสาคัญของโลก เช่น พริกไทย อบเชย กานพลู ลูกจันทร์ ดอกจันทร์ มีแหล่งผลิตใหญ่อยู่ที่อินโดนีเซีย และมาเลเซีย กระวานมาจากเขมร เป็นต้น ดินแดนเหล่านี้จึงตกเป็นเป้าหมายในการไล่ล่าอาณานิคมของประเทศตะวันตกในสมัยนั้น จนสามารถผูกขาดการค้าเครื่องเทศสร้างความร่ารวยและขึ้นมาเป็นมหาอานาจทางการค้าการเดินเรืออยู่หลายร้อยปี มาถึงทุกวันนี้ลัทธิล่าอาณานิคมหมดยุคไปนานแล้ว แต่วัฒนธรรมการใช้เครื่องเทศได้แพร่หลายไปทั่วโลก นอกจากใช้เป็นอาหารแล้วยังมีการค้นพบคุณค่าทางสุขภาพมากมายทั้งในการรักษาโรคต่างๆ และบารุงร่างกาย
เครื่องเทศ…อาหารหมู่ที่ 6 บารุงไฟธาตุ
ความจาเป็นของเครื่องเทศในฐานะที่เป็นอาหารบารุงร่างกายนั้น ไม่อาจอธิบายตามแนวคิดเรื่องอาหารหลัก 5 หมู่ ซึ่งเป็นความรู้ทางโภชนาการของทางตะวันตกที่เรารับมาได้ แต่ในทางการแพทย์แผนไทยถือว่าเครื่องเทศเป็นสิ่งที่จาเป็นต่อร่างกาย เพราะคนเราประกอบด้วยธาตุ ดิน น้า ลม ไฟ ธาตุดินเป็นโครงสร้างของร่างกาย อวัยวะต่างๆ รวมถึงอาหารเก่า อาหารใหม่ ธาตุน้าคือ ส่วนประกอบของร่างกายที่เป็นของเหลว ธาตุลมนั้นเป็นการทางานของระบบประสาท ความเจ็บปวด กลไกที่ทาให้เกิดการเคลื่อนไหว ความรู้สึกนึกคิดจิตใจ ส่วนธาตุไฟเป็นกลไกในการย่อยอาหาร การเผาผลาญ การรักษาอุณหภูมิของร่างกาย
เครื่องเทศมีรสเผ็ดร้อนอันเป็นคุณสมบัติของธาตุไฟ จึงช่วยเสริมการทางานของธาตุไฟให้เป็นปกติ เมื่อธาตุไฟของคนเราทางานเป็นปกติ การย่อยอาหารจะสมบูรณ์ การไหลเวียนของโลหิตดี ผิวพรรณผ่องใส หายใจไม่มีกลิ่นเหม็น ไม่มีกลิ่นตัว มีชีวิตชีวา สุขภาพแข็งแรง มีภูมิต้านทานดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ นอกจากนี้ธาตุไฟยังช่วยทาลายเชื้อโรคและสารพิษอีกด้วย ในทางตรงกันข้าม หากธาตุไฟหย่อนหรือทางานบกพร่อง การย่อยและดูดซึมอาหารจะบกพร่อง ร่างกายจะได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน อาหารที่ย่อยไม่หมดจะตกค้างหมักหมมและกลายเป็นพิษสะสม รบกวนระบบภูมิต้านทานของร่างกาย เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ระบบไหลเวียนโลหิตจะติดขัด ผิวพรรณเศร้าหมอง มีกลิ่นตัว กลิ่นปาก มีพลังชีวิตน้อย เหนื่อยหน่าย อ่อนเพลีย ภูมิต้านทานต่า ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องผูก
เมื่อธาตุไฟอ่อนแรงจะเกิดความผิดปกติกับระบบการย่อยอาหาร สัญญาณที่บอกให้เรารู้ชัด คือ อาการท้องอืดท้องเฟ้อ เนื่องจากอาหารไม่ย่อยจนเกิดเป็นแก๊สหรือลมขึ้นมา ซึ่งจะส่งผลทาให้ธาตุลมในร่างกายทางานผิดปกติไปด้วย ทาให้มีอาการปวดเมื่อย มึนหัว ปวดหัว ปวดท้อง หนาวสั่น เป็นตะคริว จึงอาจกล่าวได้ว่า การดูแลไฟธาตุในการย่อยอาหารให้เป็นปกติถือเป็นหัวใจของการมีสุขภาพดีนั่นเอง
เครื่องเทศสาหรับคนสามลักษณะ
การใช้เครื่องเทศเพื่อดูแลสุขภาพ ควรเลือกใช้ให้สอดคล้องกับลักษณะของแต่ละคน คนที่มีระบบย่อยอาหารและการเผาผลาญดีอยู่แล้ว เหมาะจะใช้เครื่องเทศที่ไม่เผ็ดร้อนมาก แต่มีรสขมฝาดอยู่ด้วย เช่น ขมิ้น คนที่อ้วนง่าย มีระบบการเผาผลาญและการย่อยอาหารไม่ดีนัก ควรใช้เครื่องเทศที่มีรสเผ็ดร้อนมากหน่อย เช่น พริก ขิงแห้ง พริกไทย ดีปลี ส่วนคนที่ตัวบางๆ ผอมแห้ง การย่อยอาหารไม่ดี เช่น ผู้สูงอายุ ควรเลือกเครื่องเทศที่รสไม่เผ็ดร้อนเกินไป โดยเฉพาะชนิดที่มีรสหอมฉุนมากกว่ารสร้อน เช่น ขมิ้น กระวาน ลูกผักชี กระชาย มะกรูด ตระไคร้ เป็นต้น
มิตรน้อยๆ คู่ท้องไส้... โปรไบโอติกส์ (Probiotics)
มารู้จักกับกองกาลังมหามิตร
ในระบบทางเดินอาหารของเรานั้น มีสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่มีบทบาทสาคัญต่อการย่อยอาหารและสุขภาพของท้องไส้ นั่นคือแบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย หรือที่เรียกว่า โปรไบโอติกส์ หมายถึงจุลินทรีย์หรือสารที่เสริมสร้างชีวิต ตรงข้ามกับคาว่า แอนตี้ไบโอติกส์ หรือสารที่ทาลายชีวิต (ของเชื้อโรค) ที่คนส่วนใหญ่รู้จักคุ้นเคย โปรไบโอติกส์เหล่านี้คือกองกาลังของแบคทีเรียดีที่อยู่ในกระเพาะและลาไส้ ที่คอยต่อสู้กับแบคทีเรียที่เป็นโทษซึ่งก็มีอยู่ในระบบทางเดินอาหารเช่นกัน และก่อให้เกิดการเจ็บป่วยเกี่ยวกับการย่อยอาหารของเรา ไม่ต่างจากสังคมมนุษย์ที่มีทั้งคนดีคนเลวอยู่ร่วมกัน แต่โดยปกติแบคทีเรียทีดีจะมีจานวนมากกว่าแบคทีเรียร้ายในสัดส่วน 80 ต่อ 20 ซึ่งเป็นสภาวะสมดุลที่ทาให้การทางานของระบบทางเดินอาหารเป็นปกติ ตัวอย่างของโปรไบโอติกส์ ได้แก่ Bifidobacterium spp. , Lactobacillus casei ,Streptococcus thermophiles ในปัจจุบันมีการนาแบคทีเรียกลุ่มนี้เติมในอาหาร เช่น นมเปรี้ยว ยาคูลท์ โยเกิร์ต เพื่อเพิ่มปริมาณแบคทีเรียเหล่านี้ให้ร่างกาย
โปรไบโอติกส์…ขาดฉันแล้วเธอจะรู้สึก
โปรไบโอติกส์ทาหน้าที่หลายอย่างที่จาเป็นต่อชีวิต ช่วยทาลายสารพิษในลาไส้ สร้างวิตามินที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกาย เช่น วิตามินบี 12 ไบโอติน และวิตามินเค ช่วยย่อยอาหารพวกเส้นใยให้กลายเป็น กรดไขมันสายสั้นโมเลกุลเล็กๆ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงาน ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมเซลเยื่อบุผนังลาไส้ กรดไขมันสายสั้นๆ เหล่านี้ทาให้ลาไส้มีสภาพเป็นกรดไม่เหมาะต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ก่อโรค นับเป็นกลไกของร่างกายที่ช่วยให้กองกาลังแบคทีเรียดีควบคุมแบคทีเรียร้ายไว้ หากแบคทีเรียที่มีประโยชน์ไม่อ่อนแอหรือมีจานวนลดลง แบคทีเรียที่เป็นโทษก็ไม่สามารถทาให้ร่างกายเราเจ็บป่วยได้ โปรไบโอติกส์ยังช่วยทาลายสารพิษ ทาให้การขับถ่ายดีขึ้น สร้างและปรับระบบภูมิคุ้มให้เป็นปกติ จึงช่วยให้ลดปฏิกิริยาภูมิแพ้ นมแม่ส่งต่อชีวิตจุลินทรีย์เป็นมิตรให้ลูกน้อย ในระบบทางเดินอาหารของทารกเมื่อแรกเกิด จะไม่มีแบคทีเรียหรือสิ่งมีชีวิตใดๆ อาศัยอยู่เลย การได้กินนมแม่เป็นอาหารมื้อแรกในชีวิต เป็นกลไกของธรรมชาติที่เตรียมตัวทารกน้อยให้เปิดประตูรับมิตรแท้ที่เรียกว่าโปรไบโอติกส์ เข้าสู่ร่างกาย น้านมมารดามีสารประกอบหลายอย่างที่ยับยั้งแบคทีเรียก่อโรคและส่งเสริมการการเจริญของแบคทีเรียที่มีประโยชน์ โปรไบโอติกส์จะทาหน้าที่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
ในร่างกายของเด็กทารกให้เริ่มทางาน ทาให้เด็กที่กินนมแม่แข็งแรงกว่าเด็กที่กินนมผง และมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ได้น้อยกว่า มีปัญหาท้องผูกน้อยกว่า เมื่อคนเราเติบโตขึ้นก็ได้รับจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์จากแหล่งอื่นๆ ที่หลากหลาย การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยจุลินทรีย์เหล่านี้จะช่วยเพิ่มจานวนแบคทีเรียที่ดีในกระเพาะอาหารและลาไส้ ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่ผ่านการหมัก เช่น นมเปรี้ยว โยเกิร์ต ผักดองต่างๆ ในแต่ละวัฒนธรรมมีอาหาร โปรไบโอติกส์แตกต่างกันไป เช่น กิมจิของเกาหลี นัตโต้ของญี่ปุ่น เทมเป้ของอินโดนีเซีย ข้าวหมากของไทย เป็นต้น
ฐานที่มั่นของโปรไบโอติกส์
แบคทีเรียดีจะมีอยู่เป็นจานวนมหาศาลในระบบทางเดินอาหาร นับตั้งแต่เรากินอาหารมื้อแรกไปจนตลอดชีวิตของเรา แต่ละคนจะมีชนิดและปริมาณของแบคทีเรียดีแตกต่างกันไป ในกระเพาะอาหารจะมีแบคทีเรียที่มีประโยชน์อยู่น้อยเพราะมีสภาวะเป็นกรดสูง ไม่เหมาะต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย เช่นเดียวกับลาไส้เล็กส่วนต้นที่ต่อจากกระเพาะอาหาร ซึ่งมีการเคลื่อนที่ผ่านของอาหารอย่างรวดเร็ว ทาให้แบคทีเรียไม่สามารถปักหลักอยู่ในบริเวณนี้ได้ ต่างจากลาไส้เล็กส่วนปลายและลาไส้ใหญ่ที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะสมกับการตั้งฐานที่มั่นของโปรไบโอติกส์ เนื่องจากมีสารอาหารและแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์ มีสภาพเป็นกรดอ่อนๆ เหมาะต่อการเจริญเติบโต บริเวณนี้จึงกลายเป็นฐานกาลังอันมั่นคงของ กองกาลังมหามิตรที่ช่วยดูแลสุขภาพท้องไส้ของเรา
เสบียงที่คอยส่งบารุงกาลังเลี้ยงกองกาลังโปรไบโอติกส์ ที่เรียกว่า พรีไบโอติกส์ ได้แก่ พวกเส้นใย ทั้งในผัก ผลไม้และธัญพืช ที่เรารับประทานเข้าไป แม้แต่ในทางการแพทย์แผนไทย ร่างกายมนุษย์ประกอบไปด้วยธาตุต่างๆ นาในจานวนนี้มีธาตุดิน 20 ซึ่งรวมถึงอาหารใหม่ อาหารเก่า อาหารเก่าก็คือแหล่งที่อยู่และอาหารของโปรไบโอติกส์นั่นเอง
ชีวิตสมัยใหม่ทาลายมิตรแท้ กองกาลังแบคทีเรียที่มีประโยชน์นี้ต้องการสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ไม่มีศัตรูมาทาร้าย มีเสบียงอาหารบริบูรณ์ แต่ดูเหมือนว่าวิถีชีวิตของคนในปัจจุบันจะคอยบั่นทอนความเข้มแข็งของกองกาลังมิตรน้อยๆ ของเราหลายทาง เช่น การบริโภคอาหารหวาน ไขมัน และเนื้อสัตว์มากเกินไป เป็นการให้อาหารอย่างดีแก่แบคทีเรียก่อโรค ทาให้สัดส่วนของแบคทีเรียในท้องไส้เสียสมดุล นาไปสู่โรคภัยไข้เจ็บ การกินยาปฏิชีวนะพร่าเพรื่อ สารเคมี สารพิษ สารกันเสียกันบูดที่ปนอยู่ในอาหาร คลอรีนในน้าประปา การดื่มสุราเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ล้วนแล้วแต่ทาร้ายมิตรตัวจิ๋วของเราได้ทั้งสิ้น
ความเครียดเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อสมดุลของแบคทีเรียในระบบทางเดินอาหาร เนื่องจากทาให้สภาวะกรดด่างในลาไส้เปลี่ยนแปลง แม้แต่การสวนล้างลาไส้อย่างรุนแรงในการล้างพิษก็ควรจะระมัดระวังเพราะเป็นการทาลายแบคทีเรียที่มีประโยชน์เหล่านี้ให้อ่อนแอและลดจานวนลงอย่างมาก กว่าจะฟื้นฟูและปรับความสมดุลได้ก็ต้องใช้เวลานาน ในบางคนอาจนาไปสู่อาการภูมิแพ้ได้ เนื่องจากโปรไบโอติกส์ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทาหน้าที่ได้ตามปกติ ดังนั้นในการป้องกันหรือรักษาโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน โรคระบบทางเดินอาหาร การอ่อนเพลียเรื้อรัง การติดเชื้อ จาเป็นจะต้องคานึงถึงการดูแลแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์เหล่านี้ให้เป็นกองกาลังที่เข้มแข็งที่คอยช่วยพิทักษ์ปกป้องสุขภาพของเราด้วยเช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก :
โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร
ภญ. ดร. สุภาภรณ์ ปิติพร
เภสัชกรเชี่ยวชาญ (ด้านเภสัชกรรมการผลิต)
หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร