คุณค่าของผักพื้นบ้าน
ผักพื้นบ้าน คือ พรรณพืชพื้นบ้านในท้องถิ่น ชาวบ้านนำมาบริโภคเป็นอาหาร เป็นยารักษาโรค หรือนำมาทำเป็นของใช้สอยในครัวเรือน ผักพื้นบ้านนอกจากจะมีคุณค่าทางโภชนาการแล้ว ส่วนใหญ่ยังมีสรรพคุณเป็นยาสมุนไพร เนื่องจากมีรสยาที่หลากหลายอยู่ในผักพื้นบ้าน ตามทฤษฎีการแพทย์แผนไทย ให้ความสำคัญกับรสอาหาร พื้นบ้าน ดังนี้
รสฝาด มีสรรพคุณทางยา คือ ช่วยสมานแผล แก้ท้องร่วง บำรุงธาตุในร่างกาย เช่น ยอดมะม่วง ยอดมะกอก ยอดจิก ยอดกระโดน ฯลฯ
รสหวาน มีสรรพคุณทางยา คือ ช่วยให้มีการดูดซึมได้ดีขึ้น ทำให้ชุ่มชื้น บำรุงกำลัง แก้อ่อนเพลีย เช่น เห็ด ผักหวานป่า ผักขี้หูด บวบ น้ำเต้า ฯลฯรสเผ็ดร้อน มีสรรพคุณทางยา คือ แก้ท้องอืด แก้ลมจุกเสียด ขับลม บำรุงธาตุ เช่น ดอกกะทือ กระเทียม ตอกกระเจียวแดง ดีปลี พริกไทย ใบชะพลู ขิง ข่า ขมิ้น กระชาย ฯลฯ
รสเปรี้ยว มีสรรพคุณทางยา คือ ขับเสมหะ ช่วยระบาย เช่น ยอดมะขามอ่อน มะนาว ยอดชะมวง มะดัน ยอดมะกอก ยอดผักติ้ว
รสหอมเย็น มีสรรพคุณทางยา คือ บำรุงหัวใจ ทำให้สดชื่น แก้อ่อนเพลีย เช่น เตยหอม โสน ดอกขจร บัว ผักบุ้งไทย เป็นต้น
รสมัน มีสรรพคุณทางยา คือ บำรุงเส้นเอ็น เป็นยาอายุวัฒนะ เช่น สะตอ เนียง ขนุนอ่อน ถั่วพู ฟักทอง กระถิน ชะอม
รสขม มีสรรพคุณทางยา คือ บำรุงโลหิต เจริญอาหาร ช่วยระบาย เช่น มะระขี้นก ยอกหวาย ดอดขี้เหล็ก ใบยอ สะเดา เพกา ผักโขม
นอกจากคุณค่าทางยาแล้ว ผักพื้นบ้านยังมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ช่วยป้องกันการเกิดโรคต่างๆ ได้ เช่น โรคมะเร็ง โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน สร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย สารสำคัญในผักพื้นบ้าน ที่สามารถป้องกันการเกิดโรคต่างๆ ได้แก่ สารเบต้าแคโรทีน ซึ่งพบในผักใบเขียวจัดๆ เช่น ใบยอ ใบย่านาง ใบชะพลู ใบตำลึง ใบบัวบก ใบแมงลัก ผักชีลาว ผักแว่น ใบขี้เหล็ก ใบกระเพรา นอกจากนี้ผลไม้ที่มีสีเหลือง เช่น มะละกอสุก ฟักทอง มะปราง
นอกจากสารเบต้าแคโรทีนดังกล่าวแล้ว ในผักสด ยังพบว่ามีวิตามินซีสูง ซึ่งวิตามินซีมีบทบาทในการสร้างภูมิต้านมะเร็ง คือ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ สามารถปกป้องเซลล์ในร่างกายจากการเป็นมะเร็ง อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความแข็งแรง และเพิ่มประสิทธิภาพ ของการทำงานของเม็ดเลือดขาวได้
สำหรับสารอาหารที่พบมากในผักพื้นบ้านและผักทั่วไปมีหลายชนิดที่สำคัญ ได้แก่ พวกแร่ธาตุ และวิตามินต่าง ๆ ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยจะช่วยให้อวัยวะต่างๆของร่างกายทำงานเป็นปกติ คุณค่าเหล่านี้ได้แก่...แคลเซียม ร่างกายมีแคลเซี่ยมมากกว่าแร่ธาตุอื่นๆ คิดโดยน้ำหนักแล้ว แคลเซี่ยมมีประมาณ 2% ของน้ำหนักร่างกาย ทำหน้าที่เป็นส่วนประกอบที่สำคัญและจำเป็นของกระดูก ช่วยควบคุมการทำงานของหัวใจ ระบบประสาท และกล้ามเนื้อ เป็นธาตุที่จำเป็นในการแข็งตัวของเลือด ทำให้เลือดหยุดไหลเวลามีแผล
ธาตุเหล็ก เป็นส่วนประกอบของเม็ดเลือดแดง ที่เรียกว่า ฮีโมโกลบิน เป็นตัวพาอ็อกซิเจนไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และพาคาร์บอนไดออกไซด์กลับไปยังปอด เพื่อขับถ่ายออกถ้าร่างกายได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพอ จะทำให้เกิดภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กได้
วิตามินเอ ร่างกายต้องการน้อยแต่ขาดไม่ได้ จะทำให้อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายทำงานผิดปกติและเกิดโรคได้ หน้าที่วิตามินเอ คือ ช่วยรักษาสุขภาพของผิวหนังและเยื่อบุอวัยวะต่าง ๆ เช่น หลอดลม หลอดอาหาร เยื่อนัยน์ตา ช่วยในการมองเห็น และการปรับสายตา เวลาปรับจากที่สว่างเป็นมืด จากมืดเป็นสว่าง ควบคุมการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน ส่งเสริมการเจริญเติบโตของร่างกาย
วิตามินซี มีมากในผักสดและผลไม้ทั่วไป ผักสดมีวิตามินซีมาก โดยเฉพาะในใบตอนส่วนยอด และเม็ดที่กำลังจะงอก เช่น ถั่วงอก หน้าที่วิตามินซี คือ ช่วยบำรุงเหงือก ช่วยให้ผนังเส้นเลือดฝอยแข็งแรง ป้องกันไม่ให้เส้นโลหิตเปราะ ช่วยในการดูดซึมของสารอาหารอื่น ๆ เช่น เหล็ก แคลเซียม
กากเส้นใยอาหาร ผักส่วนใหญ่จะมีกากใย ซึ่งย่อยสลายไม่ได้ ส่งผลดีต่อร่างกาย คือ จะช่วยดูดซับไขมันในบริเวณลำไส้ ทำให้ไขมันดูดซึมสู่ร่างกายน้อย ช่วยลดระดับไขมันในเลือดได้ ใยอาหารช่วยขับถ่ายไม่ให้ท้องผูก การเคลื่อนไหวของลำไส้ดี ป้องกันไม่ให้เกิดโรค
แบ่งปันข้อมูลดีมีสาระจาก : เว็บไซต์สมุนไพรดอทคอม