สรรพคุณ สมุนไพรกระชายดำ |
|||
|
|||
ชื่อสมุนไพร : กระชายดำ ชื่อสามัญ (ชื่อภาษาอังกฤษ) : Belamcanda chimensis ชื่ออื่น : ว่านจังงัง ว่านพญานกยูง ว่านกั้นบัง ว่านกำบัง ว่านกำบังภัยกะแอน ระแอน (ภาคเหนือ) ขิงทราย (มหาสารคาม) ว่านเพชรดำ กระชายม่วง ชื่อวิทยาศาสตร์ : Kaempferia parviflora Wall. ex Baker ชื่อวงศ์ : ZINGIBERACEAE ส่วนที่ใช้ : เหง้า (หัวใต้ดิน) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : * ต้น กระชายดำเป็น พรรณไม้ล้มลุก ขนาดลำต้นสมบูรณ์เต็มที่สูงประมาณ 30 ซม. ส่วนของแกนกลางลำต้นจะมีลักษณะแข็ง มีกาบใบที่อาบหนา นุ่ม หุ้มแกนลำต้นไว้ ลำต้นโดยรวมจะอวบอุ้มน้ำเหมือนกับพืชล้มลุกทั่วไป * ใบ ใบของกระชายดำ เป็นใบเลี้ยงเดี่ยว ออกเรียงสลับซ้อนกันเป็นรูปกรวย และจะแยกออกจากกันเป็นอิสระเมื่อโตขึ้น สีของใบกระชายดำเมื่อเริ่มแตกใบอ่อนจะมีสีเข้มม่วงอมแดง และจะค่อยๆ สีจางไปเป็นสีเขียวเข้ม เส้นขอบใบจะมีสีแดงระเรื่อ หรืออมชมพูคล้ายรอยไหม้ กาบใบจะยาวเป็นร่อง แทงขึ้นมาจากหัวที่อยู่ในดิน ใบมีกลิ่นหอมเฉพาะขนาดของใบกว้างประมาณ 7-20 ซม. ยาวประมาณ 30-40 ซม.ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของ ธาตุอาหารในดิน หรือการดูแลรักษา * เหง้า รูปทรงกลม เรียงต่อกัน มักมีขนาดเท่าๆกัน หลายเหง้า อวบน้ำ ผิวเหง้าสีน้ำตาลอ่อนถึงน้ำตาลเข้ม อาจพบรอยที่ผิวเหง้าเป็นบริเวณที่จะงอกของต้นใหม่ เนื้อภายในสีม่วงอ่อน ม่วงเข้ม จนถึงสีม่วงดำ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว รสชาติขมเล็กน้อย |
|||
กระชายดำจัดว่าเป็นพืชสมุนไพรที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ทั้งผู้บริโภค เพราะจากประสบการณ์ของผู้ใช้กระชายมีรายงานว่าใช้เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงหัวใจ แก้ใจสั่น แก้บิด แก้ปวดข้อ ทำให้โลหิตหมุนเวียนดีขึ้น ผิวพรรณผุดผ่องสดใส ขับปัสสาวะ แก้โรคกระเพาะ และปวดท้อง เป็นต้น |
|||
|
|||
|
|||
ในปี พ.ศ. 2547 รศ.ดร.บังอร ศรีพาณิชกุลชัย คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และ ผอ.ศูนย์วิจัยฯ ได้สกัดกระชายดำ ได้สารฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ถึง 11 ตัว สารตัวนี้เป็นกลุ่มสารที่คนรู้จักกันมาก โดยเฉพาะในถั่งเหลือง ที่มีเอสโตรเจนฮอร์โมน แต่ตัวที่ได้แตกต่างตรงที่เป็นฟลาโวนอยด์ ที่โครงสร้างหลักคลายกัน แต่มีตัวโครงสร้างที่แตกต่าง 11 ตัว และได้นำเอาสารสกัดที่ได้มาทอลองอันแรกสุด คือ ฤทธิ์ต้านการอักเสบ โดยทดลองตั้งแต่ระดับสัตว์ทดลอง ระดับเซลล์เพาะเลี้ยง ซึ่งผลที่ได้ดีมากๆ จากนั้นจึงทดลองด้านการบำรุงร่างกายให้แข็งแรง กระปรี้กระเปร่า และความจำดี โดยสามารถอธิบายใน 2 เรื่อง เรื่องแรกได้จากฤทธิ์ต้านการอักเสบ ที่มีคุณสมบัติลดอาการปวดเมื่อยตามร่างกายช่วยให้คนทำงานหนักรู้สึกว่าร่างกายไม่อ่อนเพลีย ส่วนด้านความจำได้ทดสอบในสัตว์ทดลอง และคน ผลคือสามารถเพิ่มความจำได้ โดยเฉพาะการทดสอบกับผู้สูงอายุ เกิดการเรียนรู้ และมีความจำที่ดีขึ้น |
|||
กระชายดำ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ เทียบได้กับยามาตรฐานหลายชนิด คือ แอสไพริน, อินโดเมธาซิน, ไฮโครคอร์ติโซน และเพรดนิโซโลน โดยออกฤทธิ์ต้านการอักเสบแบบเฉียบพลันได้ดีกว่าแบบเรื้อรัง ในสัตว์ทดลอง กระชายดำมีสรรพคุณต้านเชื้อ Plasmodium falciparum ที่เป็นสาเหตุของโรคมาลาเรีย มีรายงานการวิจัยว่า สารสกัดด้วยเอทานอลของกระชายดำ มีฤทธิ์ขยายหลอดเลือดแดงใหญ่ และลดการหดเกร็งของลำไส้เล็กส่วนปลาย ของหนูขาว และยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกร็ดเลือดของคน การศึกษาในหนูพบว่าสารสกัดแอลกอฮอล์ หรือเฮกเซน หรือน้ำของหัวกระชายดำ ไม่มีผลทำให้อวัยวะสืบพันธุ์ของหนูมีขนาดใหญ๋ขึ้น รวมทั้งไม่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของสเปิร์ม แต่สารสกัดแอลกอฮอล์ทำให้การไหลเวียนเลือดไปองคชาติของหนูดีขึ้น โดยไม่มีผลต่อการเต้นของหัวใจ และความดันโลหิต |
|||
การบริโภคกระชายดำควรบริโภคตามภูมิปัญญาดั้งเดิม การบริโภคในขนาดสูงอาจได้รับผลเสีย มากกว่าผลดี |
ที่มา :
1. ฐานข้อมูลเครื่องยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
2. ข่าวสดออนไลน์
3. งานวิจัยอภัยภูเบศร์