หนาวใน
"อาการหนาวใน" เป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกวัย
โดยเฉพาะผู้หญิงที่ไม่ได้อยู่ไฟหลังคลอด ตามตำราแพทย์แผนไทยเชื่อว่า
การคลอดลูก ทำให้สูญเสียความร้อนในร่างกาย เสียธาตุไฟ ร่างกายขาดความสมดุล
และยังสามารถเกิดในผู้สูงอายุที่กำลังจะหมดประจำเดือน หรือหมดประจำเดือนแล้ว
ผู้หญิงที่ประจำเดือนมาผิดปกติ เช่น ประจำเดือนมาน้อย ประจำเดือนมาแล้วมีไข้
(ไข้ทับระดู) มาไม่ตรงวัน ปวดประจำเดือนรุนแรง ลักษณะของประจำเดือนมีสีคล้ำ
เป็นก้อน เป็นลิ่ม เป็นต้น
สำหรับคุณผู้หญิงที่หนาวง่ายและมากกว่าคนปกติ นี่เป็นการบ่งบอกถึง
อาการเริ่มต้นของอาการหนาวใน บางครั้งแค่ฝนตั้งเค้าก็เกิดอาการหนาวแล้ว
มือเท้าเย็น ปากเขียว มือเขียว หนาวสั่นสะท้าน เหมือนเลือดไหลเวียนไม่ดี
และเมื่อมีอาการหนาวในเป็นประจำจะทำให้เกิดอาการต่างๆ ได้ เช่น ปวดหลังชาๆ
ขัดข้อสะโพก มีจ้ำเขียวตามร่างกายได้ง่าย เป็นไข้ทับระดูทุกครั้งที่มีประจำเดือน
มีอาการปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ เป็นตะคริว แต่ทั้งนี้อาการดังกล่าวยังไม่เป็นข้อสรุป
ที่แน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุใด และมีลักษณะอาการแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
ถ้าปล่อยทิ้งไว้จนเป็นมากก็อาจมีอาการปวดหน่วงท้องน้อย จนถึงมดลูกอักเสบ
ซึ่งเกิดจากการที่ไม่ได้รักษาตั้งแต่เริ่มแรกเนื่องจากไม่คิดว่าเป็นอาการของโรค
แพทย์แผนไทยถือว่าเป็นอาการของกลุ่มมดลูกอักเสบ ที่ต้องรักษาด้วยการปรับ
สมดุลธาตุอย่างต่อเนื่อง สามารถรักษาหายได้การรักษาอาการหนาวในด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย เน้นการรักษาด้วยการ
จ่ายยาที่ช่วยปรับธาตุทั้ง 4 ให้สมดุล และจ่ายยาที่ช่วยบำรุงเลือด ที่มีรสร้อนสุขุม
เพื่อกระจายเลือดให้ไหลเวียนได้ดี และทำให้ไฟธาตุทำงานได้ดีขึ้น
ใช้ต้มกินติดต่อกันนาน 1-3 เดือนเพื่อเป็นการปรับสมดุลให้ร่างกาย
ซึ่งต้องได้รับการตรวจจากแพทย์แผนไทยอย่างละเอียด ว่าต้องปรับอะไรบ้าง
ขึ้นอยู่กับอาการ และธาตุของคนไข้ หากเป็นมากก็จะจ่ายยาจำพวกเบญจกุล
ตำรับยาเบญจกุล ประกอบด้วย เหง้าขิง รากเจตมูลเพลิง ดีปลี รากช้าพลู
และเถาสะค้าน ช่วยปรับสมดุลธาตุในร่างกาย และกลุ่มว่านชักมดลูก
โดยอาจจะใช้ว่านชักมดลูก ไพล ขมิ้นอ้อย เพื่อช่วยในการดึงมดลูกกลับเข้าที่
และถ้าเป็นมากต้องทั้งต้มกิน และต้มอาบด้วย คนที่มีอาการนี้ยังทำให้เกิดภาวะ
มีบุตรยากได้อีกด้วย ซึ่งการรักษาแบ่งได้เป็น 3 ขั้นตอน และจะใช้ขั้นตอนไหนบ้าง
ก็แล้วแต่อาการของแต่ละบุคคล ดังนี้
ขั้นแรก เรียกว่า การปลูกไฟธาตุ คือ การใช้ยาร้อน ปลูกให้ธาตุไฟทำงาน
เนื่องจากอาการหนาวในมักเกิดขึ้นเมื่อร่างกายขาดธาตุไฟ เราจึงควรปรับสมดุลธาตุ
ในร่างกายก่อนขั้นที่สอง คือ การบำรุงไฟธาตุ โดยการใช้ยารสเปรี้ยว เน้นไปที่การฟอกเลือด
บำรุงเลือดเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงขั้นสุดท้าย คือ การใช้ยาร้อนที่สุดเพื่อช่วยขับโลหิต และของเสียออกจากร่างกาย
เช่น เจตมูลเพลิง หรือว่านชักมดลูก เป็นต้น เพื่อให้ร่างกายมีการขับของเสีย
เช่น ประจำเดือน ออกจากร่างกายให้หมดไม่ให้มีตกค้าง ซึ่งอาจทำให้เป็นสาเหตุ
ของการเกิดช็อกโกแลตซีสต์ได้
ยังมีอีกโรคหนึ่งที่ผู้หญิงยุคใหม่ในปัจจุบันเป็นกันมาก ที่เราเรียกกันว่า
โรคช็อกโกแลตซีสต์ หรือที่มีชื่อเต็มว่า โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
(เอ็นโดเมทริโอซิส) ซึ่งจะมีอาการปวดประจำเดือนทุกเดือน
แต่อาการปวดประจำเดือนก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นโรคนี้ ซึ่งลักษณะอาการปวด
คือ มีอาการปวดอย่างรุนแรงและจะปวดมากขึ้นมากขึ้นทุกเดือน
เป็นอย่างนี้มากขึ้นไปเรื่อยๆ การวินิจฉัยโรค ถ้าเกิดเราอัลตราซาวด์แล้ว
เราเห็นก้อนชัดๆ ก็จะสามารถบอกได้ทันที ซึ่งตามตำราแพทย์แผนไทย
คัมภีร์ชวดาน ก็มีการกล่าวถึง การรักษาก้อนที่อยู่ในท้องโดยใช้เจตมูลเพลิง
ซึ่งมีสรรพคุณเน้นในการขับของเสีย ผู้หญิงเราทุกคนมีความเสี่ยงที่จะเกิดก้อน
ในท้อง หรือที่แพทย์แผนปัจจุบันเรียกว่า กลุ่มมดลูกอักเสบ หรือ
กลุ่มอาการช็อกโกแลตซีสต์ ซึ่งทางแพทย์แผนไทย มีแนวทางป้องกัน
สามารถทำได้โดยกินยาสตรีทุกเดือนก่อนมีประจำเดือน เพื่อให้มีการขับประจำเดือน
ซึ่งเป็นของเสียออกให้หมดจากร่างกาย ไม่ให้มีการคั่งค้าง สะสม
ยาสตรีทางแพทย์แผนไทย แบ่งเป็น ยาขับ และยาบำรุง เช่น
ยาประสะไพล (มีส่วนผสมของไพลเยอะ) ไฟห้ากอง (ประกอบสมุนไพรร้อน 5 ชนิด)
ไฟประลัยกัลป์ (มีทั้งสมุนไพรที่มีรสร้อน และมีสรรพคุณในการบำรุงและฟอกเลือด)
เป็นต้น ยาเหล่านี้มีการใช้แตกต่างกัน ถ้าผู้ป่วยเป็นธาตุไฟ ก็จะไม่จัดไฟห้ากองให้
แต่อาจจะใช้เป็นไฟประลัยกัลป์แทน เพื่อใช้ในการฟอกเลือดได้ด้วย
ยาสตรีที่ยกตัวอย่างทั้ง 3 รายการ นับเป็นยาสามัญประจำบ้าน
และปัจจุบันยังได้บรรจุอยู่ในบัญชียาหลัก ที่โรงพยาบาลทั่วไปมี
และสามารถจ่ายได้ คนไข้ที่ไป รพ.สามารถแจ้งขอใช้ยาสมุนไพรในบัญชี
ยาหลักแห่งชาติ 77 รายการ จากแพทย์ได้ ซึ่งเป็นนโยบายของหน่วยงาน
สปสช. (สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่ดูแลคนไข้ประกันสุขภาพถ้วนหน้า
และคนไข้โครงการ 30 บาท) ที่มีนโยบายให้ใช้ยาสมุนไพรในบัญชียาหลัก
แห่งชาติ 77 รายการ ได้ตั้งแต่เดือน ม.ค.54 เป็นต้นมา และให้การสนับสนุน
โดยมีเงินรางวัลพิเศษสำหรับ รพ.ที่ใช้ยาสมุนไพรมากกว่าค่าเฉลี่ยของทั่วประเทศ
ได้อีกด้วย
หากต้องการสอบถามข้อมูล หรือวิธีรักษาแบบแพทย์แผนไทย
ที่ใช้วิถีธรรมชาติบำบัดควบคู่กับภูมิปัญญาในการใช้สมุนไพรไทย
สามารถติดต่อได้ที่โทร.037-211088 ต่อ 3333 ร้านยาโพธิ์เงิน
โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี ซึ่งที่นี่มีบริการตรวจร่างกายสไตล์
แพทย์แผนไทย พร้อมให้คำแนะนำโดยแพทย์แผนไทยฟรี ทุกวันจันทร์-ศุกร์
เวลา 08.30-16.30 น.
ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร